ชื่อวิทยาศาสตร์
Hibiscus sabdariffa
ชื่อวงศ์
Malvaceae
ชื่อสามัญ
Rosella, Red Sorrel, Jamaica Sorrel
ชื่อท้องถิ่น
ภาคเหนือเรียก ผักเก็งเค็ง ส้มเก็งเค็ง เงี้ยว แม่ฮ่องสอนเรียก ส้มปู จังหวัดตากเรียก ส้มตะแลงเครง ภาคกลางเรียก กระเจี๊ยบ กระเจี๊ยบเปรี้ยว ทั่วไปเรียก กระเจี๊ยบแดง
ลักษณะทั่วไป
กระเจี๊ยบแดง เป็นพืชสมุนไพรที่เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 3–6 ศอก ลำต้นและกิ่งก้านมีสีม่วงแดง ใบมีหลายแบบด้วยกัน ขอบใบเรียบ บางทีก็มีรอยหยักเว้า 3 หยัก สีของดอกเป็นสีชมพู ตรงกลางดอกมีสีเข้มมากกว่าขอบนอกของกลีบ กลีบดอกร่วงโรยไป กลีบรองดอกและกลีบเลี้ยงก็จะเจริญเติบโตขึ้นอีกเกิดเป็นสีม่วงแดงเข้มหุ้มเมล็ดเอาไว้ภายใน
การปลูก
ใช้เมล็ดปลูก ควรปลูกในหน้าฝน พรวนดินก่อนปลูก ขุดหลุมปลูกหลุมละ 2-3 เมล็ด ระยะห่างของหลุมประมาณ ½-1 เมตร พอต้นอ่อนงอกออกมาแล้ว ให้ถอนต้นที่อ่อนแอกว่าออกไปเอาต้นที่แข็งแรงไว้ รดน้ำ ใส่ปุ๋ย พรวนดิน กำจัดวัชพืชออกให้หมด
สรรพคุณทางยา
รสเปรี้ยวของดอกกระเจี๊ยบทำให้ชุ่มคอ ช่วยย่อยอาหาร หล่อลื่นลำไส้ นำกลีบเลี้ยงและกลีบรองมาตากแห้ง บดเป็นผงละเอียด ชงกับน้ำร้อนครั้งละ 1 ช้อนชา ดื่ม 3 เวลา เช้า กลางวันและเย็น แก้อาการขัดเบา เป็นยากัดเสมหะ นอกจากนี้ยังสามารถลดไขมันในเลือดได้อีกด้วย
รายการอาหาร
แกงส้มกระเจี๊ยบ ยำดอกกระเจี๊ยบ น้ำกระเจี๊ยบแดง กระเจี๊ยบเชื่อม กระเจี๊ยบแช่อิ่ม แยมดอกกระเจี๊ยบ
แกงส้มดอกกระเจี๊ยบ
เครื่องปรุง
- กุ้งนาง ½ ก.ก.
- ดอกกระเจี๊ยบแดง 10 ดอก
- น้ำส้มมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลมะพร้าว 1 ช้อนชา
- น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง
- ดอกกระเจี๊ยบแดง 10 ดอก
- น้ำส้มมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลมะพร้าว 1 ช้อนชา
- น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง
เครื่องปรุงน้ำพริก
- พริกแห้ง 5 เม็ด
- พริกขี้หนูแห้ง 10 เม็ด
- หัวหอมแดง 3 หัว
- กระเทียม 6 กลีบ
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
- กะปิ 1 ช้อนชา
- พริกขี้หนูแห้ง 10 เม็ด
- หัวหอมแดง 3 หัว
- กระเทียม 6 กลีบ
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
- กะปิ 1 ช้อนชา
วิธีทำ
นำมากุ้งผ่าหลังเอาเส้นดำออก นำดอกกระเจี๊ยบมาแกะกลีบหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำเครื่องน้ำพริกแกงส้มโขลกให้ละเอียด ใส่กุ้ง 2 ตัวโขลกให้เข้ากัน ใส่น้ำ 3 ถ้วยตวงในหม้อ นำน้ำพริกที่โขลกแล้วละลาย ขึ้นตั้งไฟพอเดือดใส่น้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาล ชิมให้รสเปรี้ยว เค็ม หวาน รสเปรี้ยวอ่อนๆ เพราะดอกกระเจี๊ยบมีรสเปรี้ยวอยู่แล้ว ใส่ดอกกระเจี๊ยบ ใส่กุ้งสดที่เหลือต้นจนสุก ยกลงรับประทานได้ยำดอกกระเจี๊ยบ
เครื่องปรุง
- กลีบดอกกระเจี๊ยบ 2 ถ้วยตวง
- กุ้งสด ½ ถ้วยตวง
- หอมหัวใหญ่ซอย ½ ถ้วยตวง
- กระเทียมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกเหลือหั่นขวาง 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
- กุ้งสด ½ ถ้วยตวง
- หอมหัวใหญ่ซอย ½ ถ้วยตวง
- กระเทียมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกเหลือหั่นขวาง 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
ใส่กุ้ง (ปอกเปลือกลวกแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ) น้ำปลา มะนาว หอมหัวใหญ่ กระเทียมซอย พริกเหลือง กลีบกระเจี๊ยบ (ซอยละเอียด) ลวกพอสุก คลุกให้เข้ากัน จัดใส่จานโรยผักชี
น้ำกระเจี๊ยบแดง
เครื่องปรุง
- ดอกกระเจี๊ยบแดงสด 1 ถ้วยตวง
- น้ำ 6 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 4 ถ้วยตวง
- เกลือป่น ½ ช้อนชา
- น้ำ 6 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 4 ถ้วยตวง
- เกลือป่น ½ ช้อนชา
วิธีทำ
ดอกกระเจี๊ยบแดงสด ล้างน้ำให้สะอาด ตัดเอาแต่รอบนอก กลีบสีแดงส่วนกลางแข็งไม่ใช้ หั่นใส่ถ้วย 1 ถ้วยตวง ใส่น้ำ 6 ถ้วยตวง ลงในหม้อ ตั้งไฟต้มให้เดือดจนกระเจี๊ยบเปื่อย จึงกรองด้วยผ้าขาวบางเอากากออกใส่น้ำตาล เกลือ ต้มแล้วจะเหลือประมาณ 5 ถ้วยตวง ตักใส่แก้ว ใส่น้ำแข็งทุบ ดื่มเป็นเครื่องดื่ม หรือแช่ตู้เย็นไว้ดื่ม
ดอกกระเจี๊ยบแช่อิ่ม
เครื่องปรุง
- ดอกกระเจี๊ยบแดงสด 20 ดอก
- น้ำปูนใส 2 ถ้วยตวง
- เกลือป่น ½ ช้อนโต๊ะ
- น้ำ 2 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
- น้ำปูนใส 2 ถ้วยตวง
- เกลือป่น ½ ช้อนโต๊ะ
- น้ำ 2 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
วิธีทำ
นำกระเจี๊ยบแช่ในน้ำปูนใส ใส่เกลือแช่ไว้ 1 คืน แล้วนำมาแช่น้ำเปล่า 1 คืน ให้คืนความเค็มสงขึ้นจากน้ำ เคี่ยวน้ำตาลกับน้ำให้เป็นน้ำเชื่อมแล้วทิ้งไว้ให้เย็น ใส่กระเจี๊ยบลงแช่ค้างคืน สงขึ้นตากแดด แล้วนำน้ำเชื่อมไปอุ่น แล้วจึงแช่กระเจี๊ยบในน้ำเชื่อม ทำประมาณ 4 วัน จนกระเจี๊ยบใสกรอบ จึงนำมารับประทานได้
แยมดอกกระเจี๊ยบ
เครื่องปรุง
- ดอกกระเจี๊ยบสด ½ ก.ก.
- น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
- น้ำ 2 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
- น้ำ 2 ถ้วยตวง
วิธีทำ
ฉีกดอกกระเจี๊ยบเป็นกลีบๆ แกะเอาเมล็ดออก นำกลีบดอกกระเจี๊ยบสดมาต้มกับน้ำ แล้วกรองเอาแต่น้ำ 2 ถ้วยตวง ผสมกับน้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง ใส่หม้อเคี่ยวจนเหนียวเป็นวุ้น ใส่ขวดที่ล้างด้วยน้ำร้อน คว่ำจนแห้ง ใส่แยมกระเจี๊ยบเก็บไว้ในตู้เย็น สำหรับทาขนมปังรับประทาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น